มีโอกาสดีวันนี้ได้ฟังการแบ่งพระวจนะของพระเจ้าผ่านลูกชาย เขาแบ่งปันจาก ฟป3.12-16   ในการนมัสการพระเจ้าของครอบครัว  สรุปใจความว่า

ชีวิตของเรามีเรื่องที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้นได้ แต่เราต้องเรียนรู้จักลืมบางสิ่งบางอย่างที่เป็นอุปสรรคต่อการก้าวไปข้างหน้าของเราเสีย     ” ลืมมันไป และก้าวไปอย่างกับเรื่องหมา ตอนแรกผมก็ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร เรื่องก็มีอยู่ว่า    หมากลุ่มหนึ่งมันทะเลาะกันในที่สุดมันก็พากัน2-3ตัวหนีออกไปเพื่อก้าวไปข้างหน้า ในที่สุดเพื่อนๆของมันก็ตายจากไปทีละตัวๆ     เหลือมันอยู่ตัวเดียว แต่มันก็ยังก้าวต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ”ฟังแล้วก็ได้สาระดีนะครับ…ดีใจที่ได้ฟังการแบ่งปันดีๆจากลูกชาย  ทำให้ได้ข้อคิดว่า…ลืมเสียบางเรื่องก็ดีเหมือนกัน..

คนไทยเราก็ดีอย่างหนึ่งที่ลืมอะไรค่อนข้างไว  ตัวอย่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยที่ผ่านมาหลายสิบปี มีเรื่องราวเยอะเกิดขึ้น เสียเลือดเสียเนื้อ และกระนั้นคนไทยก็ลืมเหตุการณ์นั้นเสียสิ้น  อาจจะมีคนยกมากล่าวอ้างถึงเป็นครั้งเป็นคราว       เพียงแต่ว่าบางทีก็แปลกใจสำหรับเรื่องบางเรื่องเราเองก็อยากลืมมัน  แต่กลับล้มเหลว  มันเหมือนคำสั่งคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้อีกต่อไป  ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเพราะ RAM ต่ำ        แต่บางเรื่องอยากจะจำแต่ก็กลับลืมเสียดื้อๆ

พี่น้องที่รักในวันนี้ชีวิตของท่านมีอะไรบ้างที่ควรจะจำ และกลับลืม    มีสิ่งใดบ้างควรลืมกลับจำ  ก็คงไม่แปลกใจดอก  เพราะแม้แต่อาจารย์เปาโลผู้มีประสบการณ์กับพระเจ้ามากมายกว่าเรา  ท่านยังกล่าวว่าทำนองเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับท่านด้วย      ที่สำคัญเราต้องบอกกับตัวเองเสมอว่า     เราจะขอพระเจ้าช่วยเราให้สามารถลืมในสิ่งที่เป็นแบดแผลนั้นเสีย     และสิ่งซึ่งเป็นอุปสรรคทำให้เราก้าวต่อไปในพระเจ้าไม่ได้ดี     เช่นความบาป  การผิดประเวณี  การทำแท้ง การทะเลาะกัน การพูดจาหยาบคาย  การเล่นการเมืองในพระศาสนา  การคอรัปชั่นเงินของพระเจ้า  การชอบเป็นคนมองหาขี้ผงในตาของคนอื่น  สิ่งเหล่านี้ก็อาจจะเป็นอุปสรรคที่ปิดกั้นทำให้เราก้าวต่อไปในพระเจ้าไม่ได้  เราจะต้องอธิษฐานขอพระเจ้าให้เรากลับใจใหม่ และลืมกับเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นแผลในใจเสีย

นี่คือสิ่งที่อาจารย์เปาโลหนุนใจว่าให้ลืม  และโน้มตัวออกไปข้างหน้า  การที่จะโน้มตัวออกไปเป็นนัยว่า  เราต้องการก้าวไปสู่ขบวนการเปลี่ยนแปลงที่มีพระเจ้ากระหนดแผนงานให้เรา   การเปลี่ยนแปลงบางทีมันก็ยากลำบากแน่นอน  มันไม่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยใส่ปาก   แต่สุดท้ายก็พบความสำเร็จ    ตัวอย่างของคนที่ลืมได้จริงเห็นจะเป็นอิสอัค  ในปฐก 26.17-22   เขาและครอบครัวขุดบ่อเจอน้ำที่อุดมสมบูรณ์มากๆในสมัยนั้น   แม้ว่าเขาจะรู้ว่าที่นั่นไม่ใช่ที่ของเขาที่จะยืนอยู่ตลอดไป  แต่เมื่อเขาขุดบ่อน้ำนั้นได้เขาคงจะปิติยินดีไม่น้อย  ไม่เพียงเขาเท่านั้นที่ดีใจแต่คนทุกๆคนในครอบครัว และลูกน้องคนรับใช้ต่างก็ดีใจ แม้กระทั้งสัตว์เลี้ยงก็ตื่นเต้นมีน้ำอุดมสมบูรณ์  แต่ในเวลานั้นศัตรู (เจ้าที่) ก็มาแย่งบ่ำน้ำนั้นไปเสียคือพูดง่ายๆคือมายืดเอาไปเสียดื้อๆ  ดื้อแพ่ง     อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาอ้างสิทธิ์ของการเป็นเจ้าของที่ดินตามกฎหมาย    คุณคิดว่าอิสอัคจะทำอย่างไร   แต่เขาก็หลีกทางให้บ่อน้ำนั้นโดยดี    ไปขุดบ่อน้ำแหล่งใหม่   เมื่อเจอน้ำแล้วก็มีศัตรูกลุ่มเดิมมาหาเรื่องอีกอ้างสิทธิของบ่อนน้ำนั้น   และแย่งเอาไปจากเขา   ทำให้อิสอัคต้องหอบข้าวของออกไปต่อที่ใหม่   ท่านคิดว่าอิสอัคจะเหนื่อยากลำบากใจไหม   แต่เราก็เห็นว่าเขาลืมและไม่ต้องการมีเรื่องมีราวกับคนเหล่านั้น  เพราะการมีเรื่องมีราวกันก็สร้างปัญหา และทำให้เกิดทุกข์ใจปล่าวๆ   ในที่สุดพระเจ้าก็ประทานที่ดินแห่งใหม่ให้กับอิสอัค  เป็นสถานที่ๆเขาไม่รู้สึกว่าถูกแย่งไปอีกเลย   เขาตักน้ำนั้นดื่มด้วยความชื่นชมยินดี

บางครั้งคริสเตียนเราก็ต้องยอมที่จะเป็นคนถูกกระทำ และเสียเปรียบเหมือนคนไม่มีน้ำยา  และไร้ค่าเหลือเกิน บางทีเราก็มีชีวิตที่เห็นคนสองสามคนกำหนดชีวิตของคนอีกมากมาย  และทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย   อาจจะทำให้คุณเจ็บปวดใจกับสถานการณ์นั้นมาก   แต่คุณควรจะถ่อมใจลงต่อพระหัตถ์ของพระเจ้า 1ปต5.5-7  พระเจ้าจะทรงยกชูคุณขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคุณถ่อมใจ  และยอมรับหนทางและวิถีของพระเจ้านั้นด้วยความถ่อมใจ   พระคัมภีร์สอนว่าความถ่อมใจเดินอยู่หน้าเกียรติ     สิ่งสำคัญที่สุดคือการดำเนินชีวิตสำนึกตนว่า  พระเจ้าปราถนาให้คุณทำอะไรเพื่อพระองค์     ได้เวลาลืมมันแล้ว… ก้าวต่อไปข้างหน้า  ทำสิ่งใหม่ๆ   ด้วยการไว้วางใจในพระเจ้า   ลืมเพื่อที่คุณจะมีโอกาสรับพระพร  ลืมเพื่อให้คุณหลับสบายในยามค่ำคืน

อะไรที่คุณลืมไม่ได้ ก็อธิษฐานกับพระเจ้าเพื่อขอให้ลืม  แม้ว่าอาจจะลืมมันไม่ได้ทั้งหมดแต่ขอพระเจ้าให้เราสามารถถือได้ว่า เรื่องราวนั้นไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตความคิดของเราก็ดีพอแล้ว  ไม่ให้การอธรรมมาเป็นมารทำลายความเชื่อ ทำลายความชื่นชมยินดีในพระเจ้าของเรา   ฮาบากุกกล่าวว่า แม้ไม่ชีวิตของท่านจะไม่มีอะไรๆที่ทำให้เกิดความยินดี เช่นมะเดือ่ไม่ออกผล ฝูงสัตว์ที่หมดไปจากคอก  ไม่มีอาหารจาท้องทุ่ง  แต่กระนั้นเองท่านก็จะชื่นบานในพระเจ้า  การมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตแต่เราสามารถมองเห็นว่าเป็นเวลาแห่งการรักษาเยียวยาจากพระเจ้า  เห็นว่าเป็นพระพรที่ซ่อนอยู่ สำคัญยิ่งกว่า    วันนี้ได้เวลาที่เราจะต้องลืมมันแล้ว..