คำเทศนาเรื่อง “ อยู่ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ”
ข้อพระคัมภีร์ : ปัญญาจารย์ 5-6
คอลัมนิสต์คริสเตียน ผลงานเขียนคำหนุนใจ บทเรียนข้อคิดต่างๆ คำเทศนา
โดย ศิษยาภิบาลเรวัฒน์ เทพจักร์
คริสตจักรศรัทธาร่วมใจ
คำนำ : ชีวิตของพระเยซูคริสต์ถือว่าเป็นแบบอย่างของคนที่มีชีวิตอยู่อย่างคุ้มค่าที่สุด 33ปีที่ดำเนินในโลกนี้สั้นๆ แต่ได้ทำคุณประโยชน์อเนกอนันต์ ได้ทำภารกิจยิ่งใหญ่จนกระทั่งสำเร็จ และในที่สุดก็ได้กลับสู่สวรรค์ แต่ชีวิตของเราทุกคนวันนี้กลับอยู่นานๆในโลกนี้ บางคนอยู่ 60-90ปีแต่เรากลับเสียเวลากับสิ่งที่ไร้ค่า สิ่งที่ไม่สำคัญที่สุดเลย เรากลับทุ่มเทชีวิตลงให้กับสิ่งเหล่านั้นที่ไม่ได้เป็นแก่นสารใดๆ เราจึงเหมือนคนปราศจากเป้าหมายและทิศทางชีวิต จึงทำให้เราสับสนว่าแท้จริงอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ดังนั้น คริสเตียนจะต้องกลับมาทบทวนชีวิตของตนเองทั้ง 7 ประการในเช้าวันนี้คือ
หนึ่ง : เราต้องทบทวนคำพูดของเราเอง ปญจ 5:1-7 การพูดจาของเราเป็นอย่างไรบ้าง ?
คำพูด “ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด หลังพูดคำพูดเป็นนายเรา” ตัวอย่าง: ปลาหมอตายเพราะปาก หมายถึงคนที่ชอบพูดพล่อย ๆ รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือพูดแสดงความอวดดี จนตัวเองต้องรับเคราะห์ก็เพราะปากของตนเอง สำนวนนี้มาจากปลาหมอที่อยู่ในลำน้ำ มักชอบผุดขึ้นฮุบเหยื่อหรือน้ำบ่อย ๆ จนเป็นที่สังเกตของนักจับปลาได้ว่า ปลาหมออยู่ตรงไหน ก็เอาเบ็ดล่อลงไปรงนั้นไม่ค่อยพลาด จึงเรียกว่า ปลาหมอตายเพราะปาก
ทำนองเดียวกัน : พระคัมภีร์สอนให้ระมัดระวังในเรื่องคำพูดต่อพระเจ้า คำอธิษฐาน คำสัญญา การรับปากพระเจ้าว่าจะสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ไม่ได้ทำตาม พระคัมภีร์เตือนเรื่องลิ้นว่า ลิ้นเป็นอวัยวะที่เล็กๆแต่มีอำนาจทำลายยิ่งใหญ่ คนที่สามารถควบคุมลิ้นของตนเองให้เชื่องได้ก็ดีที่สุด ลิ้นนั้นเต็มไปด้วยพิษร้ายแรง ยก3:2-10 นั่นหมายความว่า มนุษย์จุดอันตรายคือปาก การสนทนากับผู้อื่น การพูดคุยกันคนอื่นๆ จะต้องระมัดระวังให้ดี เกรงว่าเราจะใช้ลิ้นไปในทางไม่ถูกต้อง ไม่ถวายเกียรติ ใช้ลิ้นไม่ถูกงาน และเราจะทำลายตัวเองก็ด้วยลิ้นของเราเอง ดังนั้นเราต้องระลึกเสมอๆว่า จะพูดแต่จริงที่จริง พูดแต่การเสริมสร้าง และระวังที่จะไม่สรุปว่าตนเองเป็นคนพูดจริงเสมอไม่เท็จเลย เป็นคนพูดตรงๆ พระคัมภีร์เตือนไม่ให้เราคุยโม้โออวดถึงวันพรุ่งนี้ สภษ. 16:27 คนไร้ค่า ปองทำความชั่ว วาจาของเขาเหมือนอย่างไฟลวก
สภษ. 22:11 บุคคลที่รักใจบริสุทธิ์ และวาจาของเขามีกรุณาคุณจะได้พระราชาเป็นมิตร
สภษ. 4:24 จงทิ้งวาจาคดๆ เสีย และให้คำพูดลดเลี้ยวห่างจากเจ้า
ดังนั้นขอให้เราพูดเสมือนพูดต่อพระเจ้า เราจะต้องระมัดระวังลิ้นของเราให้ดี บริหารควบคุมลิ้นให้ดี ไม่ใช่ทุกเรื่องที่รู้มา หรือคิดได้จะพูดไปเสียหมด ต้องพินิจพิเคราะห์ว่าพูดแล้วเสริมสร้างหรือทำลาย ? พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึงทอง ภาษิตถูกทํานอง เตือนเราให้ใช้เหตุผล พูดไปให้เป็นเรื่อง คนขุ่นเคืองเพราะคําตน นิ่งไว้ใจอดทน ตำลึงทองเป็นของเรา
สอง: เราอย่าเมินเฉยต่อปัญหาของผู้อื่น ปญจ5:8 -9
พระคัมภีร์สอนคนจน คนที่ยากลำบาก คนที่ถูกกดขี่ข่มเหงจะอยู่กับเราเสมอไป มก. 14:7 ด้วยว่าคนยากจนมีอยู่กับท่านเสมอ และท่านจะทำการดีแก่เขาเมื่อไรก็ทำได้ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านเสมอไป ในสังคมของเรามีทั้งคนฐานะดี และคนฐานะยากจน อ.จอย มายเออร์กล่าวว่า ในโลกนี้เพียงแค่เศรษฐี7 คนในโลกนี้เทเงินช่วยเหลือ คนจนจะหมดไปจากโลกนี้ทันที แต่วันนี้คนหลายคนถูกกระทำ และอยู่ในความลำบาก ระวังที่เราจะไม่อาศัยอยู่อย่างมีความสุข กินดื่มเที่ยว ดูหนังฟังเพลง ซื้อของดีๆเพื่อตัวเอง แต่เรากลับเมินหน้าเสียจากคนที่ยากลำบาก มธ. 25:40 แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับเขาว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย’ 1ยน. 3:17 แต่ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังใจจืดใจดำไม่สงเคราะห์เขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในผู้นั้นอย่างไรได้ การเมินหน้าจากคนที่ยากลำบากก็เหมือนการตัดช่องทางแห่งพระพรจากพระเจ้าไปเสีย สำหรับหลายคนนั้นก็อยากเป็นแต่ผู้รับฝ่ายเดียว แต่เราควรจะขอพระเจ้าที่จะเป็นผู้ให้ผู้อื่น
ทำไม ปญจ 5:9 ไร่นาใดๆก็มีกษัตริย์อยู่เหนือ นั้นหมายถึงว่า พระเจ้าเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติของเรา พระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิตของคนเหล่านั้น เราจะต้องใช้ชีวิตที่อยู่ในโลกนี้ดูแลแคร์ห่วงใยผู้อื่นด้วย
สาม : เงินทองคือพระพร แต่ไม่ใช่คำตอบของชีวิต ปญจ 5:10-12
-เงินทองไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกอิ่มกำไร
-เงินทองไม่ได้ทำให้ใครหลับสบาย
-เงินทองถ้าไม่บริหารจัดการดีๆก็สูญเสียได้ง่ายๆ
คริสเตียนจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องทรัพย์สมบัติในโลกนี้ว่า พระเจ้าคือผู้ประทานให้เรา ทรงให้เรามีสติปัญญา ให้เรามีแรงกำลัง ให้เรามีช่องทางหาเงินทอง แต่เราจะต้องไม่ปักใจรักเงินทองหรือหลงอำนาจของเงินทอง ระวังไม่มีใครที่อิ่มเงิน และความสำคัญของชีวิตคนไม่ได้อยู่ที่การมีเงินก่อน คนที่เป็นกรรมกรอาจจะหลับง่ายและดีกว่าคนมั่งมี และเงินทองที่พระเจ้าให้เรา เราต้องอธิษฐานขอให้เรามีสติปัญญาในการใช้อย่างมีค่า บริหารจัดการให้ดี เพราะถ้าเราจัดการไม่ดีเงินทองก็จะหมดไปอย่างรวดเร็ว และจะถูกใช้อย่างไม่มีค่า
สี่ : ชีวิตเรามาอย่างไร ก็จะไปอย่างนั้น ปญจ 5:15-17
ชีวิตของมนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้นั้น ไม่ได้บังเอิญแต่เกิดมาโดยตั้งใจของพระเจ้า พระเจ้าทรงกำหนดเขตแดนให้เขาอยู่ กจ. 17:26 พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ทุกชาติ สืบสายโลหิตอันเดียวกันให้อยู่ทั่วพิภพโลก และได้ทรงกำหนดเวลาและเขตแดนให้เขาอยู่ แต่พระคัมภีร์สอนชัดไปกว่านั้นว่า มนุษย์เกิดมาอย่างไรก็จะไปอย่างนั้น คือมาตัวเปล่าและก็จะกลับไปตัวเปล่า และตลอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกนี้จะมีปัญหาเหมือนกันสิ้นคือ “พบความยุ่งยากใจอย่างสาหัส เจ็บไข้ โทโส”
ดังนั้นการรู้ความจริงของชีวิตแบบนี้ก็ช่วยเตือนสติเราได้บ้างว่า พระเจ้ากำหนดชีวิตให้เราอยู่ เราทุกคนมีเวลาของตนเองในโลกนี้ เรามาตัวเปล่าก็จะไปตัวเปล่า ดังนั้นถ้าวันนี้ชีวิตของท่านอาจจะมีความโกรธ มีความเจ็บไข้ มีเรื่องที่ยุ่งกลุ้มใจบ้าง ก็ขอให้เรารู้ว่าถูกต้องแล้วเราเป็นมนุษย์แท้ๆ และอย่ารู้สึกแปลกใจหรือตกใจว่าทำไมเป้นอย่างนั้น และเมื่อเราไปในงานไว้อาลัยของผู้ที่ล่วงหลับไป ก็จะช่วยเตือนใจให้เราเป็นว่า ยามที่เราตายไปหรือจากโลกนี้ไปนั้น เราไม่สามารถเอาอะไรติดตัวไปได้เลย แม้ว่าเราจะเก็บเงินทองตลอดชีวิตซื้อมันมาได้ด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของเรา หรือสิ่งนั้นเราจะรักมากที่สุด เราก็เอาไปไม่ได้
ห้า : พอใจกับสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ ปญจ 5:18-20
-ชีวิตจะต้องเรียนรู้พอใจอยู่กับพระพรที่พระเจ้าทานให้นั้น แม้พระเจ้าจะให้เราอยู่เพียงไม่กี่วันในโลกนี้ พร้อมกับให้เรามีพระพรมากมาย พระเจ้าสอนให้เราชื่นชมยินดีกับพระพรนั้น คือหมายถึงว่าพอใจ เรียนรู้จักความพอใจ อิ่มใจ และมีท่าทีขอบพระคุณพระเจ้าในสิ่งที่ได้รับ เช่นเดียวกับเปาโล ฟป4: 11 ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น 12 ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน 13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
-ถ้าชีวิตของเรามัวแต่สะสม และงก เค็ม เราจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสแห่งพระพรในสมบัตินั้นเลย แต่คนอื่นๆที่มาภายหลังก็จะมาใช้สิ่งของเหล่านั้นที่หามาได้ แล้วจะได้ประโยชน์อะไร ? การมัวแต่หาเงินทองและเก็บสะสมไว้ ไม่รู้จักใช้เงินทอง ไม่เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ วันหนึ่งเขาอาจจะไม่ได้ใช้เงินทองนั้น นี่คือการเตือนใจเราว่า เราไม่ควรจะขี้เหนียวจนเกินไป ไม่ควรสะสมไว้จนไม่กล้าใช้เงินทอง ควรจะให้รางวัลชีวิตตัวเองบ้าง ควรจะให้ของขวัญกับตัวเอง และใช้สมบัตินั้นเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า ใช้รถ ใช้บ้าน ใช้ที่ทำงาน ใช้สิ่งที่เรามีนั้นเพื่อถวายงานแด่พระเจ้าด้วย
อย่าลืมว่า มนุษย์ทุกคนนั้นต่อให้จะมีอายุยืนยาว มีเงินทองมากมายเท่าไรก็เคยอิ่มใจในของเหล่านั้นเลย ดังนั้นเราจะต้องตักเตือนใจตัวเองบ่อยๆว่า ได้เท่านี้ มีแค่นี้ก็จงขอบพระคุณพระเจ้าเถิด
หก : เราทุกคนจะต้องไปที่เดียวกัน ปญจ 6:6
มนุษย์ทุกคนจะต้องตายเหมือนกันหมดสิ้น ในโลกนี้เรามีฐานะศักดิ์ต่างกัน เกิดมาในสถานะหรือสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมที่ต่างกันไป แต่ในสุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องตายเหมือนกันสิ้น จะเร็วหรือช้าแค่นั้นเอง แต่ในที่สุดทุกคนก็ต้องตายไป การตายของคริสเตียนก็เหมือนการย้ายที่อยู่ใหม่ที่ดีกว่า เหมือนการย้ายบ้านในสลัมเข้าไปอยู่ในราชวังซึ่งดีกว่าเดิม ดังนั้นนี่คือข้อกำหนดไว้สำหรับมนุษย์แล้วว่าจะเกิดมาครั้งเดียวและตายครั้งเดียว หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่การพิพากษาโทษโดยพระเจ้า ฮบ. 9:27 มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด ดังนั้นทุกครั้งที่เราเห็นคนจากไปให้เตือนใจตัวเองว่า วันหนึ่งฉันก็จะเป็นแบบนั้นด้วย มนุษย์มาจากดินก็จะต้องกลับไปสู่ดิน เราจะกลับคืนสู่พระเจ้าในสวรรค์ เราจะต้องเตรียมใจและเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ
เจ็ด : ชีวิตของเราอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้า ปญจ 6:10-12
ชีวิตของเราคือผลผลิตของพระเจ้า พระเจ้าปั้นแต่งชีวิตของเราขึ้นมา พระเจ้าทรงดำรงอยู่ก่อนที่เราจะมีมา ทรงรู้จักเราเป็นอย่างดี ทรงทราบแม้กระทั่งความนึกคิด ความปรารถนา ความต้องการ นิสัยใจคอของเราเองทั้งสิ้น มนุษย์ไม่สามารถที่จะไปโต้เถียงพระเจ้าผู้มีฤทธิ์อำนาจยิ่งกว่าตนเองได้ มนุษย์ไม่ทราบแม้กระทั่งวันที่จะมาเกิดในโลกนี้ ไม่สามารถเลือกพ่อเลือกแม่ที่จะมาเกิดได้ หรือวันที่จะต้องสละร่างกายดินจากโลกนี้ไป ไม่รู้ว่าอะไรที่สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์ที่กำลังล่วงไปเหมือนเงา ในความไม่เข้าใจทั้งสิ้นของมนุษย์ที่เกิดมาอยู่ในโลกใบนี้นั้น แต่เรามีพระเจ้าผู้สามารถรู้จักเรา และชีวิตของเราทุกคนไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาเหล่านั้นก็อยู่ในเวลา และอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้เดียวทั้งสิ้น
เมื่อทราบเช่นนั้น ชีวิตที่อยู่ในโลกนี้ก็ต้องอยู่อย่างมีคุณค่า ให้ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาที ผ่านไปอย่างมีคุณค่าอยู่อย่างเกิดผล อยู่อย่างถวายเกียรติ อย่าอยู่ในโลกนี้เพื่อฆ่าเวลาหรือเหมือนหายใจทิ้งเปล่า แต่จงกลับมาแสวงหาพระเจ้าที่เที่ยงแท้ และจงดำเนินตามนั้นต่อไป ด้วยความเชื่อ และความหวัง และความรัก และอุทิศชีวิตรับใช้พระองค์เถิด. อาเมน